วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เลื่อนเปิดเทอม.....ด่วน

เชิญชวนติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงการเปิดเทอมได้ที่ www.scc.in.th ค่ะ อย่าลืมไหว้พระสวดมนต์ขอพระคุ้มครองทุกคนทุกบ้านให้แคล้วคลาดปลอดภัยค่ะ

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เลื่อนเปิดเทอม.....ด่วน

ข่าวด่วน......คนรักสุขภาพ.ค่ะ....เลื่อนเปิดเทอมเป็นวันที่  ๓๑  ตุลาคมจ้า  ( ดูแลตัวเองและเป็นเด็กดีนะจ๊ะ)

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

น้องหนู ป.๑ รับวัคซีน


นักเรียน ป.๑ น้องๆของเราคนไหนรับวัคซีน MMR แล้ว ถ้ามีไข้ให้เช็ดตัวเพื่อเป็นการลดไข้หรือทานยาลดไข้ก็ได้นะคะ  รักและห่วงใยเสมอค่ะ

น้องๆ ป.๑ ฉีดวัคซีน

      วันที่ 8-9 กันยายนนี้ น้องเล็กนักเรียน ป.๑ ของเราจะฉีดวัคซีน MMR  คือวัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม เป็นวัคซีนรวมชนิดฉีด ฉีดเพียงเข็มเดียวป้องกันได้ ๓ โรค ภูมิคุ้มกันโรคจะเกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนประมาณ ๑ สัปดาห์ โดยปกติเด็กๆจะรับวัคซีน MMR สองครั้ง คือช่วงอายุ 9-12 เดือนครั้งที่หนึ่งและช่วงอายุ 5-6 ปีรับครั้งที่สอง นักเรียนคนไหนยังไม่ได้รับวัคซีนสามารถติดต่อคุณครูประจำชั้นของน้องๆได้นะคะ หรือผู้ปกครองท่านใดต้องการให้ลูกได้รับวัคซีนแจ้งชื่อลูกได้ที่คุณครูประจำชั้นค่ะ ส่วนน้องๆที่ได้รับวัคซีนครบสองครั้ง ก็เพียงพอแล้วไม่ต้องรับครั้งที่สามให้เจ็บตัวเล่นนะคะ

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7565 ข่าวสดรายวัน


เปิดตัวยา'เดรโก'เพชฌฆาตไวรัส อยู่หมัดทั้งหวัดเล็ก-ใหญ่
    การค้นพบยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน ในปี 2471  ที่นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนายาฆ่าเชื้อโรคร้ายที่
บุกรุกเข้ามาในร่างกายก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วย   แม้เพนนิซิลลินจะไม่มีประสิทธิภาพรุนแรงต่อเชื้อโรคมากนักแต่มีข้อดีอยู่ที่การมีฤทธิ์ต่อเชื้อหลากหลายชนิด เรียกว่า  'บรอด สเป๊กตรัม'  โดยที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์พยายามพัฒนายาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์บรอด สเป๊กตรัม ชนิดใหม่  เพื่อทดแทนเพนนิซิลลิน        ซึ่งนับวันจะมีเชื้อดื้อยาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ   คณะนักวิจัยจากห้องปฏิบัติการลินคอล์น แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ในเมืองแคมบริดจ์   รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาปฏิชีวนะ 'เดรโก' สำหรับปราบเชื้อไวรัส ซึ่งจากการทดสอบพบว่า สามารถฆ่าไวรัสได้ชะงัดอย่างน้อย 15 สายพันธุ์  อาทิ  ไรโนไวรัส  ก่อโรคหวัดทั่วไป  อินฟลูเอ็นซาไวรัส สายพันธุ์เอช 1 เอ็น 1 หรือ ไข้หวัดหมู  เชื้อไวรัสก่อโรคไข้หวัดลงกระเพาะ  ไวรัสก่อโรคโปลิโอ  ไวรัสก่อโรคไข้เลือดออกหลายสายพันธุ์  โดยยาดังกล่าวสามารถแบ่งแยกเซลล์ที่ติด และไม่ติดเชื้อไวรัสออกจากกันได้ และจะเข้าทำลาย เฉพาะเซลล์ที่ติดเชื้อ กลไกการทำงานของยา 'เดรโก' (DRACO) ใช้โปรตีนชนิดพิเศษ ที่สามารถจับกับสารพันธุกรรม ชนิดอาร์เอ็นเอสายคู่  หรือดีเอสอาร์เอ็นเอ  ซึ่งปรากฏเฉพาะในไวรัสที่อยู่ระหว่างกระบวนการเพิ่มจำนวนภายในเซลล์เท่านั้น  แต่ในมนุษย์ไม่มีดีเอสอาร์เอ็นเอ  มีเพียงดีเอ็นเอสายคู่ หรือ ดีเอสดีเอ็นเอเท่านั้น โดยไวรัสเมื่อเข้าไปในเซลล์ได้แล้วจะลักลอบใช้กลไกภายในเซลล์ มาเพิ่มจำนวนให้ตัวเอง  รวมทั้งขโมยเอาคุณสมบัติของสารพันธุกรรมและ  เยื่อหุ้มเซลล์ไปพร้อมกันด้วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถตรวจพบไวรัสได้ยาก แม้เซลล์จะมีระบบป้องกันการลักลอบใช้กลไกภายในจากไวรัส แต่ไวรัสเองก็มีสารยับยั้งกระบวนการป้องกันนี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้โปรตีนพิเศษในยา เดรโกจะเข้าไปจับกับดีเอสอาร์เอ็นเอของไวรัส  และจะออกคำสั่งให้เซลล์นั้นทำลายตัวเองในทันที  ผ่านกระบวนการ 'อพ็อปโตซิส' ซึ่งเกิดได้ตามธรรมชาติ เป็นการส่งสัญญาณให้เม็ดเลือดขาวประเภทลิมโฟซัยต์ ชนิดไซโตท็อกสิก-ที เซลล์ เข้าทำลายเซลล์อย่างปลอดภัยผลการทดสอบต่อเซลล์หนูและมนุษย์ที่ติดเชื้อในห้องปฏิบัติการ  พบว่า เดรโก มีความสามารถจัดการกับไวรัส 15 ชนิดที่ใช้ในการทดลองได้อย่างชนิดราพณาสูร และไม่เป็นพิษต่อหนูทดลองด้วย โดยทางคณะผู้วิจัยกำลังเตรียมจดสิทธิบัตรยาชนิดนี้ ก่อนจะนำไปทดลองกับสัตว์ใหญ่และมนุษย์ต่อไป

หน้า 28 







ไม่เคยพบในไทยรุนแรงถึงตาย

Hand Foot and Mouth Disease
เชื้้อตัวใหม่ชื่อ " เอนเทอโรไวรัส 71 "
ป่วยแล้วทั่วประเทศ 8405 ราย กทม. 1513 ราย ตายแล้ว 5 ราย ( ข้อมูลจาก นสพ.)
การติดต่อของโรค ติดต่อผ่านการกินอาหารที่่ปนเปื้อนเชื้อที่ติดมากับมือ ปกติเชื้อจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย
อุจจาระ หรือ น้ำในตุ่มพุพองหรือแผล
อาการ หลังติดเชื้้้อ 3-5 วัน จะมีอาการไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหารร่วมด้วย หลังจากนี้ 1-2 วันจะมีน้ำมูก เจ็บปาก เจ็บคอ ไม่อยากดูดนม ไม่อยากกินอาหาร   อาการรุนแรง   ปวดหัวมาก อาเจียนรุนแรง ซึม ไม่ค่อยรู้ตัว ชัก แขนขาอ่อนแรง หายใจหอบเหนื่อย พาคนป่วยพบแพทย์ด่วน...ด่วนค่ะ
ข้อมูลจากการสำรวจ 1 ม.ค. 54 - 22 ส.ค. 54 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข
ได้เวลาล้างมือบ่อยๆแล้วนะคะ 

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กลับมาตามคำเรียกร้อง Cody Mccosland


"ถ้าเขา ... มีขาที่ยืน เดินได้ ... เขาคงทำอะไรได้มากกว่านี้"

         ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่านผู้ปกครองและนักเรียนที่ร่วมบริจาค "หูกระป๋อง" สำหรับคนพิการ Cody Mccosland ไอ้ตัวเล็ก ... นักสู้ ... ผู้มีหลายขา จึงกลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง


         Cody เด็กชายนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้

         เด็กชายตัวน้อยชื่อ Cody Mccosland เด็กชาวอังกฤษ ผู้มีขาหลายคู่ เขาบ้าเล่นกีฬา แต่ก็เกิดมาโดยไม่มีกระดูกหัวเข่า ทำให้ต้องตัดขาท่อนล่างตั้งแต่อายุ 15 เดือน ขณะที่คนอื่นเดินเตาะแตะ แต่เขาเดินไม่ได้ แต่สองเดือนต่อมา เขาก็เริ่มหัดใช้ขาเทียมคู่แรก


         ตอนนี้ Cody อายุ 7 ขวบแล้ว ในภาพล่างเขาเล่นสกีน้ำ แต่อันที่จริง เขาเล่นทั้งว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ตีกอล์ฟ เล่นคาราเต้ เบสบอล และฮอคกี้น้ำแข็ง


         ภาพล่างเขาขี่จักรยานสามล้อ พร้อมรอยยิ้มมีความสุขที่มีให้เห็นเสมอ



         ตามมาด้วยเขาขี่ม้า พ่อกับแม่ตั้งความหวังจะพาเขาดูโอลิมปิก ที่กรุงลอนดอนเป็น
เจ้าภาพในปี 2012 ด้วย


         ภาพเขาวิ่งด้วยขาคู่ที่ดูแปลก แต่น่าจะช่วยให้วิ่งได้เร็ว สมกับสมญานาม "The Boy With The Magic Legs" จริงๆ


         ขาเทียมของเขาได้รับบริจาคจากศูนย์ขาเทียม โรงพยาบาลเด็ก Texas Scottish Rite Hospital แต่เขาโตเร็วต้องเปลี่ยนขาอยู่เป็นประจำ


         Cody กับครอบครัวและเพื่อนๆ จึงเข้าร่วมงานการกุศลหาเงินช่วยโรงพยาบาล ได้เงินบริจาคมามากกว่า 6 หมื่นปอนด์แล้ว


         Cody ไม่ยอมให้มีอะไรเป็นอุปสรรคต่อชีวิตของเขา เราจึงได้เห็นภาพเขาเล่นฮอคกี้น้ำแข็ง เท่ชะมัด

         กว่าจะมาเป็นเด็กชายสุขภาพดี หน้าเปื้อนยิ้มในวันนี้ Cody ผ่านอะไรๆมาเยอะ รวมทั้งช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เขาต้องผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง จากปัญหาระบบภายในร่างกาย รวมทั้งต้องบำบัดอาการหายใจติดขัดและหอบหืด

ใครที่กำลังท้อถอย ทั้งที่มีมือมีเท้าครบ อย่าทำตัวให้อาย Cody นะจ๊ะ


       ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก อสมท.


อย่าลืมร่วมกันบริจาค "หูกระป๋อง" ได้ที่ห้องพยาบาล ตึกสิริศตพรรษ

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ข้อมูลสุขภาพ

ขอแจ้งให้นักเรียน ม.๑ ที่มาจาก ป.6เก่าของเราติดต่อขอรับ" ข้อมูลสุขภาพ " ที่ห้องพยาบาลตึกสิริศตพรรษกรุณาแสดงบัตรนักเรียนด้วยค่ะ  เอกสารของนักเรียนที่ไม่มารับ จะถูกทำลายวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ จึงแจ้งมาให้ทราบล่วงหน้า   ขอบคุณค่ะ    

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

จัดการกับไข้หวัด

ลองด้วยตัวเอง เมื่อคุณเริ่มจะเป็นหวัด  สองสิ่งที่คุณแทบจะไม่ได้นึกถึง คือการหัวเราะดังๆ กับการทำตัวหวานชื่นกับคู่รัก คุณเชื่อไหมว่าสองวิธีดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้คุณหายเร็วขึ้น

การหัวเราะ ช่วยลดฮอร์โมนเครียดในกระแสเลือด ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ประสิทธิภาพในการค้นหาและทำลายเชื้อโรคของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันกับโรคลดลง การกอด มีผลดีกับระบบภูมิคุ้มกันโรคเพราะจะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนออกซิโตซิน ฮอร์โมนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีความรักและยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความผูกพันระหว่างมารดากับทารก ทารกในสัปดาห์แรกหากได้รับการกอดหรือสัมผัสร่างกายไม่เพียงพอ ร่างกายจะสร้างออกซิโตซิสได้น้อยกว่าปกติ ซึ่งอาจมีผลทำให้ทารกเติบโตช้าลง ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยและติดเชื้อได้ง่ายขึ้นด้วย

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นาฬิกาชีวภาพ (Biological Clock)

นาฬิกาชีวภาพ (Biological clock) ทำหน้าที่กำหนดจังหวะการทำงาน
ของร่างกายครบรอบ
หนึ่งวัน 24 ชม.
นักวิทยาศาสตร์เรียกจังหวะที่มี
รอบการทำงาน
24 ชม. ว่า
จังหวะเชอร์คาเดียน (Circadian rhythm
)
มาจากรากศัพท์ภาษาลาติน
 Cirda dies แปลว่า ประมาณหนึ่งวัน 

จังหวะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมการทำงานของร่างกาย
ไม่เพียง
การหลับตื่น 
แต่รวมไปถึงการหลั่งฮอร์โมน การเผาผลาญพลังงาน
การควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย เป็นต้น

นาฬิกาชีวภาพของสิ่งมีชีวิตทำงาน โดยอาศัยการควบคุมระดับโปรตีนชนิดต่างๆ ให้มีจังหวะขึ้นลงตามช่วงของวัน เช่น การรับประทานอาหาร  การออกกำลังกาย
การใช้ยาต่างๆ การพักผ่อน การทำงาน ดังนั้นนาฬิกาชีวภาพจึงมีบทบาทสำคัญ
ในการกำหนดจังหวะของพฤติกรรมต่างๆ ของร่างกายที่ใช้สมองและแรงกาย

ในทางการแพทย์ตะวันออก นาฬิกาชีวภาพทั้งกลางวันและกลางคืน
มีความ
สำคัญกับสุขภาพมนุษย์ ชั่วเวลา 24 ชั่วโมงนี้ พลังชีวิตจะไหลเวียน
ผ่านอวัยวะภายในแต่ละส่วน
ใช้เวลา ชั่วโมง

การดำเนินชีวิตและพฤติกรรมประจำวันควรสอดคล้องกับนาฬิกาชีวภาพจึงจะเกิดความสมดุล มีสุขภาพดี อายุยืน และปราศจากโรค 
โดยแบ่งช่วงเวลาดังนี้ …..

01.00 - 03.00 .  เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อน
ผู้ที่หลับได้ดีเป็นประจำในช่วงนี้ตับจะหลั่งสารมีราโทนินเพื่อฆ่าเชื้อโรค 
ใบหน้าจะอ่อนกว่าวัยในช่วงเวลานี้ ไม่ควรรับประทานอาหาร เพราะตับจะทำงานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับคือ  ขจัดสารพิษในร่างกาย
03.00 - 05.00.  เป็นช่วงเวลาของปอด ควรตื่นนอนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ รับแสงแดดยามเช้า ผู้ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำผิวพรรณจะดีขึ้น


05.00 - 07.00.  เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระเป็นนิสัยทุกเช้า
ถ้าไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำอุ่น  2 แก้ว ถ้ายังไม่ได้ผลให้เพิ่มการบริหารโดยยืนตรง
หายใจเข้าลึกๆ
แล้วก้มลงพร้อมหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้อง
จนเหมือนหน้าท้องติดสันหลัง
หรืออีก
วิธีหนึ่งขณะนั่งโถส้วม
ใช้ฝ่ามือนวดหน้าท้อง วนตามเข็มนาฬิกาหลายๆรอบพร้อมแขม่วท้อง



07.00 - 09.00 .  เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร ถ้ารับประทานอาหารช่วงนี้
เป็นประจำ
กระเพาะอาหารจะแข็งแรง  แต่ถ้าอาหารเช้าดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียว
ร่างกายจะดูดกากอาหาร
ตกค้างที่กำลังจะกลายเป็นอุจจาระกลับขึ้นมาใหม่เท่ากับ  "ดื่มกาแฟผสมอุจจาระ" ดังนั้นถ้าเร่งรีบอย่างน้อยขอให้มีโยเกิร์ตหรือนมสด หรือน้ำเต้าหู้+น้ำมะนาว ก็จะได้สารอาหารพอเพียงในมื้อเช้า


09.00 - 11.00 .  เป็นช่วงเวลาของม้าม ม้ามอยู่ที่ชายโครงด้านซ้ายมีหน้าที่
ควบคุมเม็ดเลือด 
และไขมัน ผู้ที่งีบหลับในช่วงนี้ม้ามมักจะอ่อนแอชื้น อาหารและน้ำจะแปรสภาพเป็นไขมัน ทำให้อ้วนง่าย ผู้ซึ่งเป็นเบาหวาน
มักจะง่วงเพราะเป็นเวลาหลังมื้ออาหารเช้า



11.00 - 13.00 .   เป็นช่วงเวลาการทำงานของหัวใจ  จึงควรหลีกเลี่ยง
การเพิ่มความเครียด 
ระงับความตื่นเต้นตกใจให้ได้


13.00 - 15.00 . เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหาร
เช่น วิตามินบี ซี โปรตีน เพื่อสร้างกรดอมิโนสร้างเสริมเซลล์ซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ



15.00 - 17.00 .  เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ  การขับถ่ายปัสสาวะ  ขับเหงื่อ  ช่วงเวลานี้ควรออกกำลังกาย   ผู้มีเบาหวานควรออกกำลังในระหว่างเวลานี้
ก่อนฉีดยาอินสุลินมื้อเย็น



17.00 - 19.00 . เป็นช่วงเวลาของไต ควรทำใจให้สดชื่นไม่ง่วงเหงาหาวนอน เชื่อว่าไตซ้ายคุมสมองด้านขวาเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรี รักสวยรักงาม ส่วนไตขวาคุมสมองด้านซ้ายเกี่ยวกับความจำ


19.00 - 21.00 . เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ควรสวดมนต์ทำสมาธิ ปัญหาที่เกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจคือ หัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นเลือดหัวใจตีบ


21.00 - 23.00 . เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ควรอาบน้ำเย็นจัดอาจเจ็บป่วยง่าย



23.00 - 01.00 . เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี น้ำดีเป็นน้ำย่อยจากตับ ถ้าร่างกายขาดน้ำ และดึงน้ำจากถุงน้ำดีไป ทำให้น้ำดีเข้มข้น
เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เป็นภูมิแพ้อากาศ


ถ้าเรานำความรู้เรื่องนาฬิกาชีวภาพมาใช้ได้ถูกต้องแล้ว การมีสุขภาพดีปราศจากโรคภัย จึงเป็นของขวัญอันประเสริฐแก่ชีวิต



อ้างอิง นาฬิกาชีวภาพในร่างกายมนุษย์ Health Today October,2005 p.74-75 . มาณีย์ อุ้ยเจริญพงษ์ อาหารเพื่อสุขภาพ การพยาบาล รพ. จุฬา 2547
สุทธิวัสส์ คำภา นาฬิกาชีวิต (Biological clock) เอกสารพิมพ์เผยแพร่ มปพ.

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ เวบบล็อก ของคนรักสุขภาพ
ฝ่ายการพยาบาล โรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์